หลักทรัพย์บัวหลวง สร้างโอกาสลงทุนหุ้นชั้นนำญี่ปุ่นและอินเดีย ผ่าน DR “JAPAN10001” และ “INDIA01” อิง ETFในตลาดฮ่องกง 

Share

หลักทรัพย์บัวหลวง ชวนนักลงทุนไทยเป็นเจ้าของหุ้นชั้นนำญี่ปุ่นและอินเดีย ผ่าน 2 DR ใหม่ ในชื่อ “JAPAN10001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นHang Seng Japan TOPIX 100 Index ETF ที่ลงทุนอิงดัชนี TOPIX 100 และ “INDIA01” มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC MSCI India ETF ที่ลงทุนอิง MSCI India Net Total Return (USD) เข้าซื้อขายวันแรกพร้อมกันในตลาดหุ้นไทย วันที่ 21 ม.ค. 2568

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว เริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนผ่าน DR ที่ถูกออกแบบให้เสมือนนำ ETF ต่างประเทศหรือหุ้นรายตัวต่างประเทศมาให้ซื้อขายในกระดานหุ้นไทย โดยสามารถซื้อขาย แบบเรียลไทม์ ในสกุลเงินบาท ทำให้ปรับกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนนักลงทุนทุกคนสามารถเข้าถึงได้
เนื่องจากใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มากและสามารถซื้อขาย DR โดยใช้บัญชีซื้อขายเดียวกับหุ้นไทยไม่ต้องเปิดพอร์ตการลงทุนใหม่

DR01 ทั้ง 11 หลักทรัพย์ ครอบคลุมการลงทุนในดัชนีสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เวียดนาม และหุ้นสามัญในตลาดหุ้นยุโรป ที่ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง ปัจจุบันมีมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) ณ วันที่ 13 มกราคม 2568 อยู่ที่ 16,077.4 ล้านบาท เทียบจากสิ้นปี 2562 ที่มีมูลค่าราว 1,430.2 ล้านบาท
ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย DR01 เฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ราว 90.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพียง 5.9 ล้านบาท

ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงหุ้นบริษัทชั้นนำคุณภาพสูงในประเทศญี่ปุ่นและอินเดีย ที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หลักทรัพย์บัวหลวง เตรียมเสนอขาย DR น้องใหม่ จำนวน 2 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย

1.DR “JAPAN10001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Hang Seng Japan TOPIX 100 Index ETF ซึ่งเป็น ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง สัญลักษณ์ 3410 โดย ETF ลงทุนอ้างอิงดัชนี TOPIX 100 บริหารโดย Hang Seng Investment Management บลจ. ชั้นนำที่มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการ (AUM) สูงสุดในฮ่องกงประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ตัวเลข ณ วันที่ 10ม.ค. 2568

ทั้งนี้ DR “JAPAN10001” มีจุดเด่นตรงที่ดัชนี TOPIX 100 อ้างอิงหุ้นญี่ปุ่นชั้นนำที่มีสภาพคล่องสูง ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นจำนวน 100 หลักทรัพย์ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำที่นักลงทุนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น
Toyota Motor, Mitsubishi UF J Financial, Sony Group, Hitachi และ Recruit Holdings ที่มีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนี สัดส่วนราว 7.8% 5.8% 5.2% 5.0% และ 3.1% ตามลำดับ โดยดัชนี TOPIX 100 สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยรวมเงินปันผลได้สูงถึง 14.5% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มากกว่าดัชนี SET ที่อยู่ 0.3%(ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567)

 

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องในปี 2568 จากการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นยังได้รับแรงหนุนจากโครงการ Nippon Individual Saving Account (NISA) ที่มีนโยบายละเว้นภาษีจากผลกำไรที่ได้รับจากการลงทุนในหุ้นที่รัฐบาลกำหนด

2.DR “INDIA01” มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นChinaAMC MSCI India ETF ซึ่งเป็น ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง สัญลักษณ์ 3404 โดย ETF ลงทุนอ้างอิงดัชนี MSCI India Net Total Return (USD) บริหารโดย China Asset Management บลจ. ชั้นนำของฮ่องกง โดย DR “INDIA01” มีจุดเด่นที่อ้างอิงหุ้นบริษัทชั้นนำของอินเดีย เช่น HDFC Bank, Reliance Industries, ICICI Bank, Infosys และ Bharti Airtel ที่มีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนี MSCI India Net Total Return (USD) สัดส่วนราว 7.8% 5.8% 5.2% 5.0% และ 3.1% ตามลำดับ โดยดัชนี MSCI India Net Total Return Index (USD) สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 12.5% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้นตลาดหุ้นอินเดีย ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าตลาด (Market Capitalization) กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรมที่น่าสนใจจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นอินเดีย ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของดัชนี MSCI India Net Total Return (USD) คือ กลุ่มบริการทางการเงิน คิดเป็นสัดส่วน 27.6% ถือเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับภาพรวมเศรษฐกิจอินเดียที่กำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่อินเดียมีประชากรมากที่สุดในโลกจำนวน 1.4 พันล้านคน (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานสถานการณ์ประชากรโลกปี 2566 ของ UNFPA) 

นอกจากนั้นตลาดหุ้นอินเดียยังได้รับประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่ให้ภาคครัวเรือนเก็บออมเพื่อการเกษียณผ่านกองทุน Systematic Investment Plans หรือ (SIPs) หนุนให้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

Ms. Heidi Cai หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ China Asset Management (Hong Kong) Limited กล่าวว่า ChinaAMC ในฐานะผู้ออก ETF และเป็นพันธมิตรการออก DR ในประเทศไทย เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับหลักทรัพย์บัวหลวง สำหรับการเปิดตัว DR ใหม่ในครั้งนี้ โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC MSCI India ETF ทั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ทันสมัยพร้อมตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักลงทุนไทย เราเชื่อว่า DR จะไม่เป็นเพียงการเข้าถึงตลาดอินเดีย แต่ยังสร้างโอกาสให้นักลงทุนกระจายการลงทุนได้มากขึ้น สุดท้ายนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับหลักทรัพย์บัวหลวง อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมมือกันอีกในอนาคต

 

Related Articles