ปีนี้คำว่า AI ถือเป็นคำยอดฮิต ต้องจารึกไว้เลยว่า 2568 คือปีของ AI อย่างแท้จริง ภาคธุรกิจต่างโปรโมทคำนี้ จนเมื่อวันก่อนได้ไปงานแถลงข่าวแอร์รุ่นหนึ่ง ระบุว่าเป็นเทคโนโลยีเอไอ สิ่งที่ติดค้างในใจก็คือ มันเอไอจริงหรือไม่ นี่มันก็เหมือนสินค้าที่ใช้คำว่า Smart เมื่อหลายปีก่อน หรือเราต้องจ่ายเงินแพงขึ้นเพราะมีคำว่า AI ติดอยู่กันแน่
ว่าแล้วเลยต้องมานั่งถามกูรูวงการไฟฟ้าและไอทีเลยได้ความเห็นตรงกันออกมาว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีองค์ประกอบหลักที่ช่วยให้สามารถเรียนรู้ ปรับตัว และทำงานโดยอัตโนมัติได้ โดยองค์ประกอบสำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้า AI ได้แก่
- ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
- เซนเซอร์ (Sensors): ตรวจจับข้อมูลจากสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ แสง เสียง หรือการเคลื่อนไหว
- ชิปประมวลผล (AI Chips/Processors): เช่น ชิป Neural Processing Unit (NPU) หรือ Graphics Processing Unit (GPU) ที่ช่วยให้ AI ทำงานเร็วขึ้น
- หน่วยความจำ (Memory & Storage): จัดเก็บข้อมูลและแบบจำลอง AI
- ซอฟต์แวร์ (Software)
- อัลกอริทึม AI และ Machine Learning: ช่วยให้เครื่องเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้และปรับปรุงการทำงาน
- ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ: เช่น Google Assistant, Amazon Alexa, หรือ AI ของผู้ผลิต
- การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (IoT – Internet of Things): ใช้สำหรับสั่งงานระยะไกลและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น
- การทำงานอัตโนมัติ และความสามารถในการเรียนรู้
- การประมวลผลข้อมูลจากผู้ใช้: วิเคราะห์พฤติกรรมและปรับการทำงานให้เหมาะสม
- การสั่งงานด้วยเสียงหรือแอปพลิเคชัน: รองรับคำสั่งเสียงหรือควบคุมผ่านสมาร์ตโฟน
- การเรียนรู้จากประสบการณ์: ใช้ AI วิเคราะห์และพัฒนาให้ทำงานแม่นยำขึ้น
คราวนี้มาดูตัวอย่างของเครื่องใช้ไฟฟ้า AI ในปัจจุบัน
- หุ่นยนต์ดูดฝุ่น AI (เช่น iRobot Roomba, Roborock S8 Pro Ultra)
- ใช้ AI และ Machine Learning วิเคราะห์แผนที่ห้อง
- มีเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางและเรียนรู้เส้นทางการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ
- รองรับการสั่งงานผ่านแอปและผู้ช่วยเสียง เช่น Alexa หรือ Google Assistant
- ทีวีอัจฉริยะ (Smart TV) เช่น LG OLED AI TV
- ใช้ AI วิเคราะห์ภาพและเสียงเพื่อปรับคุณภาพให้เหมาะกับคอนเทนต์
- มีผู้ช่วยอัจฉริยะ เช่น Google Assistant หรือ Alexa สำหรับสั่งงานด้วยเสียง
- เรียนรู้พฤติกรรมการดูของผู้ใช้เพื่อแนะนำรายการที่เหมาะสม
- เครื่องปรับอากาศ AI (เช่น LG DUALCOOL, Daikin AI Inverter)
- ใช้ AI วิเคราะห์สภาพอากาศและพฤติกรรมผู้ใช้เพื่อปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
- มีเซนเซอร์ตรวจจับความชื้นและคุณภาพอากาศ
- เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi เพื่อควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน
- ตู้เย็น AI (เช่น Samsung Family Hub, LG InstaView ThinQ)
- ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ของผู้ใช้เพื่อแนะนำการจัดเก็บอาหาร
- มีระบบสั่งงานด้วยเสียงและจอสัมผัสสำหรับการดูสูตรอาหาร
- ตรวจสอบของในตู้เย็นและแจ้งเตือนเมื่อของใกล้หมด
- เครื่องซักผ้า AI (เช่น Samsung AI Wash, LG ThinQ Washing Machine)
- ใช้ AI วิเคราะห์ประเภทของผ้าและระดับความสกปรกเพื่อปรับโปรแกรมซักอัตโนมัติ
- เชื่อมต่อแอปเพื่อแจ้งเตือนสถานะการซัก
- เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้เพื่อแนะนำโปรแกรมซักที่เหมาะสม
ตัวอย่างแบบเจาะลึก เอาเครื่องปรับอากาศที่กำลังจะกลายเป็นตลาดใหญ่ในบ้านเรา มาดูกันเลยดีกว่า เครื่องปรับอากาศในปัจจุบัน โดยเฉพาะรุ่นที่เป็น AI Inverter หรือ Smart Air Conditioner มี ฮาร์ดแวร์หลัก เช่น เซนเซอร์ (Sensors), ชิปประมวลผล (AI Chips/Processors), และหน่วยความจำ (Memory & Storage) เพื่อช่วยให้ทำงานอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เซนเซอร์ (Sensors) ในเครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่มีเซนเซอร์หลายชนิด เช่น
- เซนเซอร์อุณหภูมิ (Temperature Sensor) → ตรวจจับอุณหภูมิในห้องเพื่อปรับการทำงานของคอมเพรสเซอร์
- เซนเซอร์ความชื้น (Humidity Sensor) → ตรวจจับระดับความชื้นในอากาศเพื่อปรับสมดุลความชื้น
- เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Sensor/PIR Sensor) → ตรวจจับว่ามีคนอยู่ในห้องหรือไม่ เพื่อปรับระดับความเย็นอัตโนมัติ เช่น ถ้าไม่มีคนอยู่ เครื่องจะลดพลังงาน
- เซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศ (Air Quality Sensor/PM2.5 Sensor) → ตรวจจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
- เซนเซอร์ตรวจจับแสง (Light Sensor) → ใช้ตรวจจับสภาพแสงภายในห้อง เช่น ปรับการทำงานตอนกลางคืนให้เงียบขึ้น
- ชิปประมวลผล (AI Chips/Processors) ในเครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ใช้ชิปประมวลผลสำหรับ AI และ Machine Learning เช่น
- ชิป AI ประมวลผลอุณหภูมิ → วิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์และเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้
- ชิปควบคุมอินเวอร์เตอร์ (Inverter Control Chip) → ควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้ประหยัดพลังงาน
- ชิปประมวลผลการสั่งงานผ่าน Wi-Fi/Bluetooth → รองรับการสั่งงานจากแอปพลิเคชันมือถือ หรือผู้ช่วยเสียง เช่น Google Assistant, Alexa
- AI Processor สำหรับเรียนรู้พฤติกรรม → วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานและปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับพฤติกรรมของผู้ใช้
- หน่วยความจำ (Memory & Storage) ในเครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศที่มี AI และการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart AC) จำเป็นต้องมีหน่วยความจำ เช่น
- Flash Memory หรือ eMMC Storage → ใช้เก็บข้อมูลโปรแกรมควบคุมเครื่อง (Firmware)
- RAM (หน่วยความจำชั่วคราว) → ใช้ช่วยประมวลผลข้อมูลจากเซนเซอร์และ AI
- EEPROM หรือ NVRAM → บันทึกค่าการตั้งค่าและพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้
ตัวอย่างเครื่องปรับอากาศที่ใช้ AI และเซนเซอร์อัจฉริยะ (เขียนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์)
- LG DUALCOOL AI Inverter
- มี AI Processor เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้
- ใช้ เซนเซอร์ตรวจจับความชื้นและการเคลื่อนไหว
- เชื่อมต่อ Wi-Fi และสั่งงานผ่านแอป LG ThinQ
- Daikin AI Inverter
- ใช้ Motion Sensor ตรวจจับว่ามีคนอยู่ในห้องหรือไม่
- AI วิเคราะห์สภาพอากาศและพฤติกรรมผู้ใช้
- มีเซนเซอร์ PM2.5 ตรวจจับฝุ่น
- Samsung Wind-Free AI
- ใช้ AI Auto Cooling เรียนรู้ว่าผู้ใช้ชอบอุณหภูมิแบบไหน
- มี เซนเซอร์ตรวจจับแสงและความชื้น
- รองรับการสั่งงานผ่าน Bixby, Google Assistant และ Alexa
จะเห็นว่า เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่มีเซนเซอร์, ชิป AI และหน่วยความจำจริง เพื่อให้สามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ และช่วยประหยัดพลังงาน
แนวโน้มการพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้า AI ในระยะสั้น (1-3 ปีข้างหน้า)
เทคโนโลยี AI ในเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 1-3 ปีต่อจากนี้ จะมีการพัฒนาหลักๆ ในด้าน ความฉลาด, การเชื่อมต่อ, ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และความสามารถในการโต้ตอบกับผู้ใช้
- AI จะฉลาดขึ้น และเรียนรู้พฤติกรรมได้ดีขึ้น
🔹 AI ที่เรียนรู้จากผู้ใช้แบบเรียลไทม์ (Real-time Learning AI)
- เครื่องใช้ไฟฟ้าจะสามารถปรับการทำงานตามนิสัยของผู้ใช้ได้ดีขึ้น เช่น ตู้เย็น AI จะแนะนำเมนูอาหารจากของที่มีอยู่ หรือ เครื่องซักผ้า AI จะเลือกโหมดซักอัตโนมัติตามผ้าที่ใส่เป็นประจำ
🔹 AI แบบ Predictive Analytics
- เครื่องใช้ไฟฟ้าจะสามารถ คาดการณ์ความต้องการของผู้ใช้ล่วงหน้า เช่น เครื่องปรับอากาศจะเปิดล่วงหน้าก่อนที่ผู้ใช้จะกลับบ้านโดยอ้างอิงจากพฤติกรรมในอดีต
🔹 AI เชื่อมโยงหลายอุปกรณ์ (AI Ecosystem Integration)
- อุปกรณ์ AI หลายตัวจะสามารถ สื่อสารและทำงานร่วมกัน เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น AI จะทำงานทันทีหลังจาก เครื่องปรับอากาศ AI ตรวจจับว่าผู้ใช้ไม่อยู่บ้าน
- เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) จะเป็นมาตรฐาน
🔹 เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ (IoT Standardization)
- ทุกอุปกรณ์จะรองรับ Wi-Fi และ Bluetooth ทำให้สามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านแอปมือถือ เช่น การสั่งให้ไมโครเวฟอุ่นอาหารผ่านแอป
🔹 Matter Protocol และ Smart Home Integration
- แพลตฟอร์ม Matter (มาตรฐานใหม่ของอุปกรณ์ IoT) จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างแบรนด์สามารถทำงานร่วมกันได้ เช่น ตู้เย็น Samsung สามารถเชื่อมกับเครื่องซักผ้า LG
🔹 การควบคุมด้วยเสียงและ AI Assistants
- ผู้ช่วยอัจฉริยะ เช่น Google Assistant, Alexa, และ Siri จะสามารถโต้ตอบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ลื่นไหลขึ้น เช่น “Hey Google, ปรับอุณหภูมิห้องเป็น 24 องศา” แล้วเครื่องปรับอากาศทุกตัวในบ้านจะทำงานพร้อมกัน
- ประหยัดพลังงานและรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น
🔹 AI Energy Optimization
- AI จะช่วยปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสม เช่น เครื่องซักผ้าจะเลือกโหมดซักที่ประหยัดน้ำและไฟฟ้ามากที่สุดโดยอัตโนมัติ
🔹 โซลูชันพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Solutions)
- เครื่องใช้ไฟฟ้า AI จะสามารถทำงานร่วมกับ แผงโซลาร์เซลล์ หรือระบบกักเก็บพลังงานในบ้าน เช่น เครื่องปรับอากาศ AI จะใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ในช่วงกลางวันเพื่อลดค่าไฟ
🔹 วัสดุและดีไซน์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ผู้ผลิตจะเริ่มใช้ วัสดุรีไซเคิล และลดการใช้พลาสติก เช่น ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าจะผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- อุปกรณ์ AI จะมีราคาถูกลงและเข้าถึงง่ายขึ้น
🔹 ต้นทุนการผลิตชิป AI ลดลง
- เนื่องจากมีการพัฒนา ชิป AI ขนาดเล็กที่ราคาถูกลง ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า AI ไม่จำกัดแค่รุ่นพรีเมียม แต่จะเริ่มมีใน รุ่นกลางและรุ่นประหยัด
🔹 AI-as-a-Service (AI Subscription Model)
- บางบริษัทอาจเริ่มให้บริการ สมัครใช้ฟีเจอร์ AI ขั้นสูง เช่น สมาร์ตทีวีอาจต้องสมัครแพ็กเกจ AI เพื่อรับคำแนะนำคอนเทนต์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
- ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น
🔹 AI Security System ในเครื่องใช้ไฟฟ้า
- อุปกรณ์ AI จะมาพร้อม ระบบป้องกันการแฮกและการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น กล้องวงจรปิด AI จะมี การเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-End
🔹 การจดจำใบหน้าและเสียงขั้นสูง (Advanced Biometrics)
- สมาร์ตทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ จะสามารถ จดจำเสียงหรือใบหน้าของเจ้าของบ้าน เพื่อปรับการตั้งค่าเฉพาะบุคคล
ตัวอย่างเทคโนโลยีใหม่ที่เริ่มเห็นในตลาด
✅ Samsung AI Home – ระบบ AI ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งบ้าน
✅ LG ThinQ AI – เชื่อมโยงเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นและใช้ AI วิเคราะห์การใช้พลังงาน
✅ Google Nest AI – ระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะที่เรียนรู้ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย
สรุปแนวโน้มเครื่องใช้ไฟฟ้า AI ในระยะสั้น
✅ ฉลาดขึ้น – เรียนรู้และปรับตัวได้แม่นยำขึ้น
✅ เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น – IoT และ Matter จะเป็นมาตรฐาน
✅ ประหยัดพลังงานขึ้น – AI จะช่วยลดค่าไฟและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
✅ เข้าถึงง่ายขึ้น – ราคาถูกลงและมีให้เลือกมากขึ้น
✅ ปลอดภัยขึ้น – ป้องกันการแฮกและปกป้องข้อมูลส่วนตัว
คราวนี้ก็เลือกใช้กันให้สบายใจ ว่ามันเป็นเอไอแน่ๆ แต่ปีนี้อาจเป็นแบบอ่อนๆ เชื่อว่าหลังปีหน้าเอไอจะทำให้ชีวิตเรา Smart มากขึ้น แต่กระเป๋าเงินยังเบาโหวงเหมือนเดิม