อินโดนีเซียใช้ TikTok มากสุด แต่ ByteDance เลือกลงทุนไทย เพราะอะไรกันแน่?

Share

 

ทันทีที่ ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 126,800 ล้านบาทในประเทศไทย เพื่อสร้างบริการ Data Hosting กระแสโซเชียลมีเดียที่ระอุไม่อยู่ที่ไทย แต่กระเด็นไกลไปอินโดนีเซีย เพราะหนึ่งในประเทศที่ใช้ TikTok สูงสุดก็คือแดนอิเหนา เสียงโวยวายมาก็คือ ในเมื่ออินโดฯ ใช้เยอะสุดแต่ทำไมไม่มาลงทุน แต่กลับเลือกไทย 

โครงการนี้จะติดตั้งเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในศูนย์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา การลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหม่มูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย (BOI)

โดยคาดว่าโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการในปี 2026

การที่ TikTok เลือกประเทศไทยเป็นฐานสำหรับ Data Hosting แสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่น ๆ เช่น Google และ Amazon Web Services ได้ประกาศลงทุนในศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยเช่นกัน การลงทุนของ TikTok ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของไทย แต่ยังช่วยยกระดับความสามารถในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจดิจิทัลและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจในประเทศ

เมื่อโซเชียลมีเดียอินโดนีเซียตั้งคำถามว่า ทำไมไม่มาลงทุนที่ประเทศตนเอง ทาง TikTok ไม่มีคำตอบให้ แต่เราจะมาวิเคราะห์กัน ตามปัจจัยต่างๆ  1. กฎระเบียบและข้อจำกัดของอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซียมี กฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่งผลให้ TikTok ต้อง ปิดฟีเจอร์ TikTok Shop ในประเทศเมื่อเดือนตุลาคม 2023 แม้ล่าสุด TikTok ได้กลับมาเปิด TikTok Shop อีกครั้งในอินโดนีเซีย แต่ต้อง จับมือกับ Tokopedia ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเครือ GoTo Group เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐบาล จะเห็นว่ากฎหมายของอินโดนีเซียยังควบคุมการดำเนินงานของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมออนไลน์อย่างเข้มงวด ซึ่งอาจทำให้ TikTok มองว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศมีความเสี่ยง

เมื่อเทียบกับความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทย โดยไทยมี โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะระบบศูนย์ข้อมูล (Data Center) และเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ดูได้จากหลายบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google Cloud, AWS และ Microsoft Azure ได้ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในไทยแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศในด้านนี้ อีกด้านหนึ่งที่สวนทางกับอินโดนีเซียที่ชัดเจนคือ การสนับสนุนจากรัฐบาลไทยและ BOI คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย (BOI) ให้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการสนับสนุนอื่น ๆ แก่ธุรกิจที่ลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ขณะที่นโยบายของรัฐบาลไทยสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ซึ่งเอื้อต่อการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยี

ส่วนสภาพแวดล้อมอื่นๆ คือ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และความมั่นคงทางการเมือง ไทยอยู่ใน จุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน ที่สามารถให้บริการด้าน Data Hosting แก่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคได้อย่างสะดวก ในขณะที่อินโดนีเซียเผชิญความไม่แน่นอนด้านนโยบายและการแข่งขันทางการเมือง ดังนั้นไทยจึงมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เสถียรกว่า

ปัจจัยทาง พลังงาน เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ TikTok เลือกลงทุน Data Hosting ในไทยแทนอินโดนีเซีย เนื่องจาก ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ต้องใช้พลังงานมหาศาล เพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์และระบบระบายความร้อน โดยมีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 1. เสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานไทย มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เสถียรและสามารถ จัดหาพลังงานไฟฟ้าได้เพียงพอ ต่อความต้องการของ Data Center ขณะที่ อินโดนีเซีย เผชิญปัญหาความไม่แน่นอนด้านพลังงานในบางพื้นที่ โดยเฉพาะการกระจายไฟฟ้าไปยังเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะชวาและสุมาตรา ซึ่งอาจมีไฟฟ้าดับเป็นครั้งคราว ไทยจึงมีความน่าเชื่อถือด้านพลังงานมากกว่าอินโดนีเซียสำหรับ Data Center

2.การเข้าถึงพลังงานสะอาด (Renewable Energy) ไทย มีการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล ซึ่งช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีที่ต้องการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์สามารถใช้พลังงานสะอาดได้มากขึ้น ขณะที่ อินโดนีเซีย ยังคงพึ่งพา พลังงานถ่านหินเป็นหลัก ซึ่งทำให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ไทยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับบริษัทที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3.ต้นทุนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ประมาณ 3.5-4.5 บาทต่อหน่วย (~0.10-0.13 USD/kWh) ซึ่งถือว่าค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน ขณะที่ อินโดนีเซีย มี ค่าไฟฟ้าราคาถูกกว่าประเทศไทย อยู่ที่ประมาณ 0.07-0.10 USD/kWh แต่มีข้อเสียเรื่องความไม่แน่นอนของระบบไฟฟ้าและการพึ่งพาถ่านหิน แม้ว่าอินโดนีเซียจะมีค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ถูกกว่า แต่ความเสถียรของระบบไฟฟ้าในไทยดีกว่า ทำให้การลงทุนในไทยคุ้มค่ากว่าในระยะยาว

นี่คงเป็นคำตอบให้ชาวอินโดนีเซียโดยกองบรรณาธิการของเรา ไทยเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าในการตั้ง Data Hosting ของ TikTok เพราะสามารถรับประกันพลังงานที่เสถียรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าอินโดนีเซียนั่นเอง

 

Related Articles