เป็นไปได้หรือไม่ ว่า โดรนลาดตระเวน ของยูเครน โดนผู้ผลิตอย่าง DJI วางยาลดความสามารถ งานนี้มีหลักฐานออกมา แฉ แบบชัดเจน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้ใช้ Twitter ได้มีการเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ยืนยันแหล่งที่มา โดยกล่าวอ้างว่า DJI Global ผู้ผลิตโดรนสัญชาติจีนจำกัดความสามารถของเทคโนโลยี AeroScope ในโดรนที่กองทัพยูเครนนำไปใช้ ทำให้ผู้บุกรุกชาวรัสเซียได้เปรียบในการลาดตระเวนทางอากาศท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กำลังดำเนินไปอย่างรุนแรง
หลังจากนั้น Volodymyr Shymanskyy ผู้ร่วมก่อตั้งของ Blynk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระบบ IoT ได้ออกมายืนยัน และกล่าวว่าข้อมูลที่เขาได้รับนั้นมาจากคณะทำงานที่ปฏิบัติงานร่วมกับกองทัพอากาศยูเครน ในขณะที่ทางโฆษก DJI ในสหรัฐอเมริกาก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในยูเครนเป็นปัญหาทางเทคนิคบางจุดที่ทำให้ระบบบางอย่างทำงานผิดพลาด
เทคโนโลยี AeroScope ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
Tweet ของ Shymanskyy กล่าวว่า DJI Aeroscope เป็นฮาร์ดแวร์ที่มีเทคโนโลยีเฉพาะที่ช่วยให้ติดตามการเคลื่อนไหวของโดรน DJI ใดๆ ก็ตามได้ในรัศมี 10 กิโลเมตร และสามารถขยายระยะการตรวจสอบได้ถึง 50 กิโลเมตรด้วยเสาอากาศเสริมจากทาง DJI
โดย Shymanskyy อธิบายไว้ดังนี้
- เทคโนโลยี AeroScope ช่วยให้มองเห็นตำแหน่งที่แน่นอนของผู้ควบคุมโดรน รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ของโดรนที่ลงทะเบียนกับ DJI
- กองทัพยูเครนนั้นมีการนำเอาโดรนของ DJI รุ่นต่างๆ ไปใช้ในการลาดตระเวน เพราะว่า DJI คือผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดของโลก
- ในทำนองเดียวกัน รัสเซีย ก็นำเอาฮาร์ดแวร์ระบบติดตามเทคโนโลยี AeroScope ไปใช้ในการติดตามตำแหน่งผู้ควบคุมโดรนเพื่อยิงปืนใหญ่เข้าใส่ “พูดอีกอย่างก็คือ รัสเซียใช้เทคโนโลยี DJI เพื่อฆ่าเจ้าหน้าที่บังคับโดรนของยูเครน” ตามที่ Tweet ได้กล่าวไว้
- กองทัพยูเครนรายงานว่าเทคโนโลยี AeroScope “ถูกปิดการทำงานสำหรับผู้ปฏิบัติการชาวยูเครน แต่ในทางกลับกัน รัสเซียกลับสามารถใช้เทคนิคบางอย่างในการติดตามผู้ควบคุมโดรน DJI ของยูเครน ทว่ากองทัพยูเครนกลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้”
- จากข้อมูลข้างต้น เขากล่าวหา DJI ว่าช่วยรัสเซีย “เรื่องนี้หมายความว่าบริษัทผู้ผลิตโดรนสัญชาติจีนรายใหญ่ที่สุดแอบสนับสนุนการกระทำของกองทัพรัสเซียในยูเครนอย่างลับๆ โดยเปิดให้ชาวรัสเซียเข้าถึงความสามารถทางเทคโนโลยีทั้งหมดได้ และปิดไม่ให้ชาวยูเครนดำเนินการเทคโนโลยีเหล่านี้ในระยะไกล”
และในวันที่ 11 มีนาคม Shymanskyy ได้ทวีตต่ออีกว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะการดำเนินการลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2016 เมื่อชาวรัสเซียเข้าไปที่ภาคพื้นต่างๆ ของยูเครน ในโพสต์ Facebook ที่อ้างโดย Shymanskyy Taras Troiak ประธานสหพันธ์ผู้ถือครอง UAV แห่งยูเครนซึ่งได้อธิบายถึงวิธีการใช้โดรนโดยไม่ถูกติดตาม
เทคโนโลยีจำกัดขอบเขตการบินของ DJI ออกแบบมาเพื่อการแจ้งเตือน แต่ไม่ใช่การบังคับ โดยในการตอบโต้ DJI North America โดย Adam Lisberg ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร กล่าวว่ารายงานดังกล่าวเป็นเรื่องเท็จ “เราทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งาน AeroScope ในบางพื้นที่ของยูเครน ซึ่งปัญหาอาจจะเกิดขึ้นจากการสูญเสียการเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานหรืออินเทอร์เน็ตเป็นเวลานาน แต่ทางบริษัทไม่ได้มีเจตนาในการลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบ AeroScope ในยูเครนแต่อย่างใด”
Lisberg ยังระบุในเรื่องของระบบการกำหนดขอบเขตการบินของ DJI ด้วยว่า ไม่ว่าจะในยูเครนและพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกก็ตามเทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการแจ้งเตือน ไม่ใช่สำหรับการบังคับห้ามบิน “ระบบ GEO ของ DJI ระบุว่าพื้นที่ใดเป็นเขตปลอดภัยในการบิน พื้นที่ใดที่อาจมีปัญหา และพื้นที่ใดห้ามทำการบิน” โดยอ่านข้อความที่อยู่บนเว็บไซต์ทางการของบริษัท “โซน GEO ที่ห้ามทำการบินจะอยู่รอบสถานที่ต่างๆ เช่น สนามบิน โรงไฟฟ้า และเรือนจำ นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดโซนที่เป็นจุดห้ามบินชั่วคราวในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญ อย่างการแข่งขันในสนามกีฬา ช่วงเกิดไฟป่า หรือสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ”
โซน GEO บางโซนไม่ได้ห้ามการบิน แต่จะมีการเตือนเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น “โดยมาตรฐาน GEO จะจำกัดการบินเข้าหรือออกภายในโซนที่มีความกังวลด้านความปลอดภัยหรือการรักษาความปลอดภัย” หากมีการบินภายในสถานที่ที่ได้รับอนุญาต GEO จะอนุญาตให้ผู้ใช้ที่มีบัญชี DJI ที่ผ่านการตรวจสอบยืนยัน สามารถปลดล็อกชั่วคราวหรืออนุญาตการบินของตัวเองได้ชั่วคราว และฟังก์ชันปลดล็อกนี้ไม่ได้เปิดให้ใช้งานสำหรับสถานที่ที่มีความละเอียดอ่อนเรื่องความมั่นคงระดับชาติ
“ระบบ GEO เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น ผู้ใช้แต่ละคนมีหน้าที่ตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการและกำหนดว่ากฎหมายหรือข้อบังคับใดที่อาจมีผลบังคับใช้กับการบินของตน ในบางกรณี DJI ได้ตั้งค่าการใช้งานแบบทั่วไปที่เป็นคำแนะนำกว้างๆ โดยไม่ได้มีการกำหนดว่าคำแนะนำนี้ตรงกับข้อบังคับที่มีผลเฉพาะกับคุณหรือไม่”
