SHARGE เผยโรดแมป Scale Up EV Future รับนโยบาย EV 1 ล้านคัน จับมือ 50 พันธมิตรขยาย EV Ecosystem เพิ่มสถานีชาร์จแตะ 600 แห่ง 2,400 หัวชาร์จ
SHARGE บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน โชว์โรดแมป “Scale Up EV Future” ตอบโจทย์เป้ารถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท 1.05 ล้านคันในปี 2568 เดินหน้าเพิ่มจำนวนพันธมิตร 50 รายในปี 2568 เพิ่มโอกาสเจาะตลาดสถานีชาร์จและหัวชาร์จทั้งในที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา จุดพักรถ สถานีพลังงาน บริษัทด้านโลจิสติกส์ หวังมีสถานีชาร์จแตะ 600 แห่ง 2,400 หัวชาร์จภายในปี 2565 ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในตลาดที่อยู่อาศัย พร้อมเดินหน้าขยายการให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ นำร่องสร้างแลนด์มาร์คด้วยสถานี Super Fast Charge ร่วมกับพันธมิตร ขยายขอบเขตการบริการสู่รถทุกประเภทผ่านการจับมือ Fleet Operator ทั้งบริษัทขนส่งคนและสิ่งของ สร้างรายได้ระยะยาว ร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศสู่การใช้พลังงานสะอาด ลดมลภาวะ ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำการให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจร พร้อมกวาดยอดขายสะสม 5 ปี 3,000 ล้าน
“สถานการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมทั่วโลกระหว่างปี 2553-2563 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ราว 76% ต่อปี สู่จำนวน 10.2 ล้านคัน และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่น จีนที่มีการใช้มากกว่า 4.5 ล้านคัน จากการยกเว้นภาษีและสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ผลิต ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างสถานีชาร์จและจำนวนหัวชาร์จ ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเช่นเดียวกัน เฉพาะในเยอรมนี คาดว่าจะมีสถานีชาร์จสาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 จุดในปี 2568 และทะลุ 700,000 จุดในปี 2573 ขณะที่ประเทศไทยเอง มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า อย่างเป็นรูปธรรม โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568”
จากเป้าหมายดังกล่าว คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีความต้องการชาร์จพลังงาน EV ไม่น้อยกว่า 1 ล้านหน่วยต่อสัปดาห์ในปี 2568 และมีความจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบชาร์จพลังงานไฟฟ้า รวมถึงสถานีชาร์จที่เพียงพอ บริษัทจึงจะเดินหน้าแผน Scale Up EV Future พร้อม 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จ EV ให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศไทยในอนาคต และสอดคล้องกับเมกะเทรนด์การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
เริ่มต้นด้วย Stronger Ecosystem เดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ๆ ในระบบนิเวศเครือข่ายระบบชาร์จ ทั้งกลุ่มผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย กลุ่มผู้พัฒนาศูนย์การค้า กลุ่มผู้พัฒนาอาคารสำนักงาน กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการนิติบุคคลโครงการ กลุ่มผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกพลังงาน กลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ สถานศึกษา โรงพยาบาล ไปจนถึงกลุ่มผู้ประกอบการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รองรับความต้องการของผู้ใช้ในอนาคตอย่างครบวงจร คาดว่าจะมีจำนวนพันธมิตรเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 27 รายภายในปี 2565 และเพิ่มเป็น 50 รายภายในปี 2568
ด้าน More Station เพิ่มจำนวนสถานีชาร์จและหัวชาร์จทั้งแบบกระแสสลับ (AC) ตามที่อยู่อาศัย สู่การบริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ และแบบกระแสตรง (DC) ที่เป็น Super Fast Charge ตามจุดพักรถและสถานที่สำคัญต่างๆ กระจายไปตามจุดพักรถในทั้ง 4 ภูมิภาค นำร่องในปี 2565 ด้วยจำนวนสถานีชาร์จทุกประเภทสะสมไม่น้อยกว่า 600 สถานี และจำนวนหัวชาร์จ 2,000-2,400 หัวชาร์จ
ขณะเดียวกัน ในปีนี้จะมีการสร้างสถานีชาร์จแลนด์มาร์คที่ใหญ่ที่สุดในรัศมี 200 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ มีจุดเด่นสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.มีจำนวนหัวชาร์จมากกว่าสถานีปกติ 2.เป็นสถานีที่มีหัวชาร์จ DC แบบ Super Fast Charge ที่จ่ายไฟได้เร็วที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้ไลฟ์สไตล์การชาร์จไฟฟ้าใช้เวลาใกล้เคียงกับการเติมพลังงานแบบดั้งเดิม โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค และ 3.มีอาหารและบริการที่ตอบโจทย์ทั้งคนและรถยนต์
ด้าน New Solution จากเดิมบริษัทมุ่งเน้นเจาะตลาด 3 กลุ่ม โดยแบ่งตามไลฟ์สไตล์การชาร์จของผู้ใช้งานทั่วไป (Lifestyle Charging Ecosystem) อันประกอบด้วย
1.NIGHT กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่บ้านในช่วงกลางคืน
2.DAY กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จระหว่างวัน เน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น ศูนย์การค้า แหล่งไลฟ์สไตล์ อาคารสำนักงาน 3.ON–THE–GO กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จตามสถานีชาร์จระหว่างเดินทางระหว่างจังหวัด
สำหรับด้าน More Innovation บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ที่พร้อมตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ เช่น จองคิว ที่รองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น ทำให้สามารถจองการใช้งานล่วงหน้าได้ ระบบแจ้งข้อมูลอำนวยความสะดวกให้เจ้าของสถานีสามารถดูสถานการณ์ดำเนินงานของสถานีนั้นๆ ได้แบบ Realtime และ สิทธิพิเศษต่างๆ ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการโซลูชั่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบฟลีท มีให้พร้อมดาวน์โหลดทั้งใน App Store และ Play Store
จาก Startup ด้านพลังงานสำหรับริการgเครือข่ายขาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับยายพาหนะครบวงจร ทั้งด้านซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ และมีธุรกิจขนาดใหญ่เข้าถือหุ้น อาทิ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG และบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด ปัจจุบันให้บริการใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.การขายอุปกรณ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า 2.การเป็นเจ้าของสถานีชาร์จในแหล่งไลฟ์สไตล์ที่สำคัญ เช่น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ 3.การให้บริการแอปพลิเคชัน SHARGE และการจัดการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า