พลัส พร็อพเพอร์ตี้ รุกตลาด Luxury Segment เดินหน้าธุรกิจใหม่

Share

 

คุณสุวรรณี มหณรงค์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา ทิศทางธุรกิจเป็นไปในแง่บวก โดยสามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบาง อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ยังคงเติบโตได้ดี จากแรงขับเคลื่อนของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง ขณะที่ทำเลศักยภาพในหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ขอนแก่น พัทยา ยังคงได้รับความนิยม ส่งผลเชิงบวกต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะผู้ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถทำรายได้รวมกว่า 1,800 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา จากการบริหารโครงการครอบคลุมทุกประเภท ทั้งโครงการแนวราบ (Low Rise) โครงการแนวสูง (High Rise) และ อาคารเชิงพาณิชย์ (Commercial Building) จำนวนรวมทั้งสิ้น 442 โครงการ มีขนาดพื้นที่รวมทั้งสิ้น 20.2 ล้าน ตร.ม. สะท้อนถึงดีมานด์ด้านบริการหลังการขายและการบริหารจัดการอสังหาฯ ยังคงมีสูง รวมถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อศักยภาพในการบริหารจัดการของพลัสฯ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามายกระดับการให้บริการ เพื่อรองรับความต้องการของเจ้าของโครงการ ผู้อยู่อาศัย และนักลงทุนได้อย่างมืออาชีพ การันตีคุณภาพการบริการด้วยคะแนนความพึงพอใจจากการประเมินของลูกค้า (Customer Satisfaction) ในปีที่ผ่านมา คะแนนเฉลี่ยสูงถึง 90.7% พร้อมมั่นใจได้ด้วยมาตฐานสากล โดยพลัสฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ที่ครอบคลุมระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001) ระบบบริหารทรัพยากรกายภาพ (ISO 41001) และระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) ซึ่งพลัสฯ เป็นรายแรกและรายเดียวที่สามารถใช้มาตรฐานเหล่านี้ครอบคลุมทุกโครงการได้

เปิดทิศทางธุรกิจและกลยุทธ์ของพลัสฯ ในปี 68

คุณสุวรรณี เผยว่า ในปี 2568 นี้ พลัสฯ ตั้งเป้ากวาดรายได้กว่า 2 พันล้านบาท โดยวางรายได้หลักมาจาก 4 ธุรกิจที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของพลัสฯ คือ ธุรกิจบริหารจัดการที่พักอาศัย (Living Management) ธุรกิจบริหารอาคารเชิงพาณิชย์ (Facility Management) ธุรกิจซื้อ ขาย เช่า และบริหารงานขายโครงการ (Brokerage & Sale Management) และ ธุรกิจ ลิฟ-ทเวนตี้โฟร์ (LIV-24) โซลูชันเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจ ผ่านกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งตั้งต้นมาจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อส่งมอบบริการที่ตรงใจ และสร้างผลลัพธ์ที่ beyond expectation ให้แก่ลูกค้าด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญของพลัสฯ ในปีนี้ คือ

1.เจาะกลุ่มลูกค้าเซกเมนต์ลักซ์ชัวรี่ เน้นสร้างบุคลากรให้ตอบโจทย์บริการระดับพรีเมียม มีการเปิดศูนย์ Luxury Management Academy ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อบ่มเพาะ Luxury DNA ให้แก่บุคลากร ผ่านหลักสูตรจากสถาบันทั้งในเอเชียและยุโรป เช่น หลักสูตรภัณฑรักษ์ Master the Exquisite Care ศิลปะการดูแลทรัพย์สินมูลค่าสูงโดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร และหลักสูตร Luxury Service จากสถาบันชั้นนำ เช่น Nai Lert Butler Academy with The British Butler Institute, Mandarin Oriental, RCB Auctions เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเน้นการสร้าง community สังคมคุณภาพให้แก่ผู้อยู่อาศัย ผ่านการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านในแต่ละโครงการ เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยโดยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้งาน

2.ปักหมุดธุรกิจ LIV-24 ขึ้นแท่นเบอร์ 1 สมาร์ทเทค รุกภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ชูบริการใหม่เจ้าแรกในไทย โดยปีนี้ LIV-24 ก้าวสู่ปีที่ 6 ยังคงบุกตลาดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง พร้อมนำ AI และ Industrial Technology มาออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ทั้งระบบป้องกันอัคคีภัย ตรวจจับสิ่งผิดปกติ ระบบจัดการวิศวกรรม ระบบขนส่ง ควบคุมการใช้พลังงาน และวัดค่าน้ำแบบ real-time นอกจากนี้ ยังชูโรงบริการเด่น “Visitor Management System” หรือ VMS ซึ่งช่วยให้การเข้า-ออกพื้นที่เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบ LPR (License Plate Recognition) ที่สามารถตรวจสอบและจดจำป้ายทะเบียนรถ พร้อมระบบลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าพื้นที่ เพื่อจัดการ traffic อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการชำระค่าบริการจอดรถผ่านแอพพลิเคชัน Line ซึ่งทำขึ้นเป็นเจ้าแรกในไทย สามารถช่วยลดต้นทุนด้านระบบลงถึง 40%

3.รุกต่อ บริการพลัส คอนเซียจ (Plus Concierge) ผู้ช่วยด้านไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย เดินหน้าขยายบริการสู่ตลาดภูเก็ต ตอบรับกระแสการเติบโตของภาคอสังหาฯ เน้นต่อยอดบริการผ่านพันธมิตรที่โดดเด่นด้านไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยชั้นนำ เสิร์ฟโปรโมชันพิเศษให้กับลูกบ้าน ทั้งบริการแม่บ้าน งานดูแลสวน ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ รวมถึงดีลท่องเที่ยว ให้ลูกบ้านจองบริการง่าย ๆ ผ่านแอพพลิเคชัน Home Service App ของพลัสฯ และบนเว็บไซต์ นอกจากนี้ พลัสฯ ยังมีแผนนำบริการ Plus Concierge บุกตลาดภูเก็ต ส่งมอบบริการด้านไลฟ์สไตล์ที่ตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยในภูเก็ต เสริมบริการเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น การรับ-ส่งที่สนามบิน การดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน บริการอำนวยความสะดวกในการชำระค่าน้ำ-ไฟ เก็บค่าเช่าบ้าน เป็นต้น

4.ดันบริษัทลูก “ทัช พร็อพเพอร์ตี้ (Touch Property)” บริการระบบวิศวกรรมอาคารครบวงจร ตั้งเป้าเปิดตัวบริการใหม่ ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยทัชฯ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทอาคารสูง ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ในการตรวจสอบและให้คำปรึกษาด้านระบบวิศวกรรมอาคาร ซึ่งมีความซับซ้อนกว่าการตรวจระบบอาคารทั่วไป ให้บริการดูแล ปรับปรุง บำรุงรักษาระบบวิศวกรรมอาคาร เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ ระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน รวมถึงการจัดการพลังงาน ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญระบบวิศวกรรมโดยเฉพาะ ดูแลอาคารหลากหลายรูปแบบทั้งที่อยู่อาศัย สำนักงาน อาคาร mix-used ห้างสรรพสินค้า และอาคารเชิงพาณิชย์ เพื่อยืดอายุการใช้งานอาคาร สร้างความปลอดภัย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาคารในระยะยาว

5.มุ่งส่งเสริมด้านความยั่งยืน ผ่านการจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม (Green Activity) อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ “Waste to Worth” การคัดแยกขยะ เพื่อนำไปรีไซเคิล มุ่งลดปริมาณขยะในโครงการที่อยู่อาศัยที่พลัสฯ บริหารจัดการ กิจกรรมสวนผัก Backyard ที่สามารถนำผลผลิตมาแปรรูปและส่งมอบให้แก่ลูกบ้าน การเก็บขยะริมชายหาด กิจกรรมบริจาคหลอดพลาสติกใช้แล้ว เพื่อนำไปทำหมอนหลอดสำหรับผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายระยะยาวในการเลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน (Green Procurement) และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยหันมาใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาด (Green Innovation) ทดแทนมากยิ่งขึ้น

“นอกจากกลยุทธ์สำคัญทั้ง 5 ข้อ สิ่งที่พลัสฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือการรักษาคุณภาพและมาตรฐานสูงสุด เพื่อส่งมอบบริการที่เกินความคาดหวัง ให้แก่ลูกค้าในฐานะผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านบริการอสังหาฯ ที่มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี โดยในปีนี้เป็นอีกปีที่พลัสฯ พร้อมสร้างสรรค์และนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ตรงใจ พร้อมสร้าง Community และนำ Technology มาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง” คุณสุวรรณี กล่าวปิดท้าย

 

Related Articles