1datapipe ร่วมมือกับเครดิตบูโรชั้นนำในเม็กซิโกเปิดตัว National Super Score ซึ่งเป็น Scoring Model รุ่นแรกในเม็กซิโกที่ครอบคลุมประชากรวัยผู้ใหญ่ 99.9% นวัตกรรมโซลูชันนี้จะพลิกโฉมการให้บริการทางการเงินใหม่ด้วยการผสานรวม Credit Data แบบเดิมเข้ากับ Alternative Data Deposit ที่หลากหลายที่สุดในเม็กซิโก เพื่อให้การประเมินเครดิตมีความแม่นยำสูงพร้อมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้งานได้จริง
National Super Score จะใช้ประโยชน์จากทั้งข้อมูลแบบเดิมและทางเลือกเพื่อให้มุมมองเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือทางการเงินได้อย่างรอบด้าน โดยช่วยบริหารความเสี่ยงจากการฉ้อโกง วิเคราะห์รายแรงงานในระบบและนอกระบบอย่างละเอียด รวมถึงระบุเทรนด์และความชอบด้านไลฟ์สไตล์ตามแต่ละท้องถิ่น เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและครอบคลุมมากขึ้น
National Super Score สามารถประเมินรายได้แรงงานในระบบและนอกระบบได้อย่างแม่นยำ โดยปิดช่องโหว่ในการทำ Credit Scoring แบบดั้งเดิม ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์ในภูมิภาค ความชอบตามไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อรองรับโซลูชันทางการเงินได้อย่างตรงจุด โดยยังมี AI-Powered Accuracy ซึ่งใช้ AI ที่ทันสมัยและแมชชีนเลิร์นนิ่งเพื่อเพิ่มพลังคาดการณ์และประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตที่มีความน่าเชื่อถือ
คุณ Carey Anderson ซีอีโอแห่ง 1datapipe กล่าวว่า “National Super Score ของเราถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในนวัตกรรมด้านCredit Scoring การผสานรวมจุดแข็งของ Credit Data แบบดั้งเดิมเข้ากับข้อมูลทางเลือกที่หลากหลายที่สุดที่มีอยู่ ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่ขาดโอกาสได้อย่างแม่นยำและมั่นใจมากขึ้น”
แผนงานดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศเม็กซิโกที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงิน ช่วยให้ผู้คนนับล้านเข้าถึงสินเชื่อและมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น นอกจากนี้สถาบันการเงินยังจะได้ใช้เครื่องมือที่จำเป็นในการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ครบวงจรและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
นอกจากเม็กซิโกแล้ว ประชากรของอินโดนีเซียที่ไม่มีบัญชีธนาคารยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบในด้านการเข้าถึงบริการทางการเงินในวงการที่มากขึ้น เครดิตบูโรแบบเดิมและ Scoring Model ของสำนักงานไม่ได้ออกแบบมาเพื่อวัดพฤติกรรมทางการเงินและความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของผู้ที่ไม่มีประวัติการใช้บริการธนาคารในระบบ จากรายงานของ Financial Services Authority (OJK) แห่งอินโดนีเซีย ระบุว่าผู้ใหญ่ในอินโดนีเซียประมาณ 65% ไม่มีสิทธิเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเป็นทางการ ประเด็นปัญหานี้เห็นได้ชัดในพื้นที่ชนบท ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านการธนาคารยังพัฒนาไม่มาก และในกลุ่มสตรีซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีบัญชีธนาคารมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
แครี่กล่าวว่า “ภูมิทัศน์ทางการเงินของอินโดนีเซียอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากประชากรวัยผู้ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งไม่มีบัญชีธนาคาร จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องมีโซลูชัน Credit Scoring ที่ครอบคลุมมากขึ้น วิธีการแบบดั้งเดิมนั้นอาจไม่ได้ผลต่อไปแล้ว จึงต้องใช้การผสานรวม Alternative Data และระบบวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ถือเป็นแนวทางที่มีแนวโน้มดีในอนาคต”
จำนวนประชากรและ GDP ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมากสำหรับบริษัทฟินเทค โดยเวียดนามและฟิลิปปินส์มีแนวโน้มว่า GDP จะเติบโตสูงสุดที่ 12% และ 11% ตามลำดับ พร้อมทั้งชนชั้นกลางที่เติบโตขึ้นในประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเป็นแรงขับให้นำนวัตกรรมโซลูชันทางการเงินมาใช้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าถึงบริการทางการเงินไม่เพียงพอหรือไม่มีบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ยังคงเป็นความท้าทายแม้ว่าประชากรโดยรวมจะเพิ่มขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีแผนงานที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการทางการเงินที่ดีขึ้นในตลาดดังกล่าว นับเป็นโอกาสอันน่าตื่นเต้นสำหรับผู้เล่นในตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ