หลังจากเกิดปรากฎการณ์ “จักรยาน” บูมเมื่อหลายปีก่อน คนเมืองเห่อถึงขนาดถ่ายรูปที่เกี่ยวกับจักรยานลงในโซเชียลมีเดียกันเยอะมาก แต่ถึงวันนี้มีน้อยมากที่จะได้ไปขี่ เราจึงได้เห็นมันจอด หรือถูกโพสขายเป็นมือสองในสื่อต่างๆ มากมาย แต่ตอนนี้มีการคาดการณ์ระดับโลกว่า จักรยานไฟฟ้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจนถึงปี 2030 คนไทยจะตอบโจทย์นี้หรือไม่
ตามรายงานล่าสุด ตลาด E-Bike ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 48,700 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 ไปเป็น 71,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2030 ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่แข็งแกร่งถึง 6.6% ความต้องการจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลกมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นบทบาทสำคัญ
ลูกค้าทั่วโลกมองว่าจักรยานไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน เพื่อสนับสนุนแนวโน้มนี้ หน่วยงานของรัฐในเมืองต่างๆ ทั่วโลกจึงริเริ่มโครงการสร้างช่องทางจักรยานโดยเฉพาะสำหรับจักรยานไฟฟ้าโดยเฉพาะ คาดว่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าคลาส I จะเป็นแกนนำการเติบโตนี้ และถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด
จักรยานไฟฟ้าที่ติดตั้งมอเตอร์ช่วยขับเคลื่อนสูงสุด 250 วัตต์ และมีขีดจำกัดความเร็วระหว่าง 20-25 ไมล์ต่อชั่วโมง (32-40 กม./ชม.) สอดคล้องกับกฎระเบียบที่บังคับใช้ในหลายประเทศ ที่น่าสังเกตคือ จักรยานรุ่นนี้ผสมผสานความสะดวกสบายและการออกกำลังกายอย่างลงตัว จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเดินทางในเมืองและสำรวจพื้นที่ภูเขา รุ่นยอดนิยม เช่น Trek Verve+2, Rad PowerBikes RadCity 5 Plus และ Specialised Como SL 4.0 เป็นตัวอย่างที่ดีของเทรนด์นี้
ข้อเสนอให้เครดิตภาษี 30% สำหรับการซื้อจักรยานไฟฟ้าใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผ่านโดยสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทำให้สมาคมจักรยานไฟฟ้าอเมริกาเหนือได้รายงานยอดขายจักรยานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง 40% ในปี 2022 โดยส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยรุ่นคลาส I
แนวโน้มที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งที่เน้นย้ำในรายงานคือการเติบโตอย่างรวดเร็วที่คาดการณ์ไว้ของจักรยานไฟฟ้าที่มีความจุแบตเตอรี่เกิน 650W แบตเตอรี่ความจุสูงเหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการกำลังที่เพิ่มขึ้นและระยะทางที่วิ่งได้ไกลขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะสำหรับการเคลื่อนตัวบนภูมิประเทศที่ท้าทายและรองรับการบรรทุกของหนัก ดังนั้น คาดว่าความจุแบตเตอรี่ >650W น่าจะเป็นกลุ่มความจุแบตเตอรี่ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในช่วงนี้
ในระดับภูมิภาค เอเชีย-โอเชียเนียกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับจักรยานไฟฟ้า โดยจีนเป็นผู้สนับสนุนหลักของยอดขายทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก กลุ่มเมือง/ชุมชนเมืองครองตลาดในภูมิภาคนี้ โดยจักรยานไฟฟ้าสำหรับขนส่งสินค้ามีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะจักรยานไฟฟ้าสำหรับขนส่งสินค้ากำลังได้รับความนิยมเนื่องจากใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่มีการจราจรหนาแน่นในเมือง
รุ่นต่างๆ เช่น Specialised Globe Haul LT, Urban Arrow Family Electric Cargo Bike และ Rad Power Bikes RadWagon 5 เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับโซลูชันการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้
การเติบโตที่คาดการณ์ไว้ซึ่งโดดเด่นด้วยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 6.6% สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและการนำ e-bike มาใช้ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
คราวนี้เรามาสรุปข้อดีของจักรยานไฟฟ้า เริ่มจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อเทียบกับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์, ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะค่าไฟในการชาร์จถูกกว่าค่าน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาก็น้อยกว่ารถยนต์, ช่วยลดแรงในการปั่น ถือว่าเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางระยะไกล หรือไม่อยากเหนื่อยมาก, ความคล่องตัวสูง เพราะขับขี่ง่าย ใช้เลนจักรยานได้ และสามารถหลีกเลี่ยงรถติดในเมืองได้ดี, ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น เพราะสามารถเลือกปั่นเองหรือใช้ระบบไฟฟ้าช่วย ทำให้ร่างกายยังคงได้ออกกำลังกาย
ข้อเสียของจักรยานไฟฟ้า แน่นอนราคาย่อมสูงกว่าจักรยานธรรมดา โดยเฉพาะรุ่นที่มีแบตเตอรี่คุณภาพดีและมอเตอร์กำลังสูง, ระยะทางจำกัด เพราะต้องชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งแต่ละรุ่นมีระยะวิ่งที่แตกต่างกัน อาจต้องคำนึงถึงการชาร์จระหว่างทาง, น้ำหนักมากกว่าจักรยานปกติ เพราะมีมอเตอร์และแบตเตอรี่ ทำให้เคลื่อนย้ายลำบากกว่า, ต้องบำรุงรักษาแบตเตอรี่ เนื่องจากอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อาจลดลงถ้าใช้งานผิดวิธี และต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อเสื่อม
ถามว่าจักรยานไฟฟ้าเหมาะกับใคร? 1. คนที่ต้องเดินทางระยะไกล แต่ไม่อยากเหนื่อยมาก 2. คนที่ต้องการประหยัดค่าเดินทางระยะยาว 3. คนที่ต้องการเลี่ยงรถติดในเมือง 4. คนที่ต้องการออกกำลังกายแบบไม่หักโหม
วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของจักรยานไฟฟ้าในประเทศไทย แม้จักรยานไฟฟ้า (E-bike) เป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและจีน แต่สำหรับประเทศไทยยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดนี้ ทั้งในด้านโอกาสและอุปสรรค
โอกาสของจักรยานไฟฟ้าในประเทศไทย เริ่มจากแนวโน้มการใช้พาหนะพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น รัฐบาลไทยเริ่มสนับสนุนยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า เช่น รถ EV ซึ่งช่วยกระตุ้นให้จักรยานไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ผู้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และหันมาเลือกใช้พาหนะที่ปล่อยมลพิษน้อย จักรยานไฟฟ้าจะเหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองใหญ่ กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่มีปัญหารถติดหนักมาก จักรยานไฟฟ้าสามารถเป็นทางเลือกที่คล่องตัวกว่ารถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ สามารถใช้เลนจักรยาน (แม้ว่าจะยังมีไม่มากนัก) และซอกแซกได้ง่าย จักรยานไฟฟ้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะน้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ การใช้จักรยานไฟฟ้าช่วยลดค่าใช้จ่ายรายวัน โดยที่ค่าซ่อมบำรุงถูกกว่ารถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ และแนวโน้มตลาดเริ่มเติบโต มีตัวเลือกมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีจักรยานไฟฟ้าหลายแบรนด์นำเข้ามาในไทย รวมถึงบางบริษัทที่เริ่มผลิตในประเทศ ราคามีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคหลายกลุ่ม
ในด้านอุปสรรคและความท้าทายของการใช้รถจักรยานไฟฟ้าในเมืองไทยคือ โครงสร้างพื้นฐานยังไม่รองรับมากพอ ดูจากทางจักรยานในไทยมีจำกัด และมักถูกละเลยหรือถูกรถยนต์รุกล้ำ, ไม่มีจุดชาร์จไฟสำหรับจักรยานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ต้องพึ่งพาการชาร์จที่บ้านหรือร้านกาแฟ นอกจากนั้นสภาพอากาศและถนนยังไม่เอื้ออำนวย การที่อากาศร้อนและฝนตกบ่อย อาจทำให้คนไม่อยากใช้จักรยานไฟฟ้าเป็นประจำ, ถนนหลายสายมีหลุมบ่อ หรือไม่มีไหล่ทางที่ปลอดภัยสำหรับจักรยาน
อีกจุดหนึ่งที่สำคัญมากคือ กฎหมายและการจดทะเบียนยังไม่ชัดเจน ปัจจุบัน จักรยานไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่สีเทาทางกฎหมาย บางรุ่นอาจต้องจดทะเบียนเหมือนมอเตอร์ไซค์, อาจมีข้อกำหนดเรื่องใบขับขี่ หรือข้อจำกัดด้านความเร็วในอนาคต ในอีกแง่หนึ่งคือ การรับรู้และวัฒนธรรมการขับขี่ยังน้อยเนื่องจากคนไทยยังไม่คุ้นเคยกับการใช้จักรยานไฟฟ้าในชีวิตประจำวันเท่ากับรถจักรยานยนต์ และผู้ขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์มักไม่ค่อยเคารพจักรยานบนถนน ทำให้เกิดอันตรายได้
บทสรุปของประเทศไทยก็คือ ในช่วงต้นคนเมืองอาจจะมองว่าเป็นของเล่นใหม่ โอกาสที่จะเข้ามาทดแทนการขี่จักรยานในเส้นทางไกลที่ตนเองไม่มั่นใจในการขี่ เช่น การขี่จักรยานเข้าเมืองเพื่อไปทำงาน การขี่ได้ไกลและเร็วขึ้น ทำให้โอกาสที่ถึงที่หมายปลอดภัยดีกว่าจักรยานปกติ พวกนี้จะค่อยๆ เติบโต ถ้าหากราคาต่ำกว่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าก็จะยิ่งสร้างแรงจูงใจในการซื้อมากขึ้น