ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายประเทศได้มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการห้ามใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียน โดยมีข้อสันนิษฐานว่าอาจช่วยให้ผลการเรียนของนักเรียนดีขึ้นและลดปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งโรงเรียนในประเทศไทยจำนวนมาก ก็สั่งเก็บโทรศัพท์มือถือนักเรียนก่อนเข้าเรียน หรือบางแห่งก็ห้ามนักเรียนนำเข้าโรงเรียนโดยเด็ดขาด แน่นอนว่ามันไม่มีผลการศึกษาว่าการห้ามใช้หรือปล่อยอิสระแบบไหนจะดีกว่ากัน และมันมีคุณมีโทษหรือไม่
ล่าสุดมีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ที่พบว่าการห้ามใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนอาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหรือสุขภาพจิตของนักเรียนอย่างที่คาดหวังไว้ อย่างไรก็ตาม การใช้สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียเป็นเวลานานมีความเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ที่แย่ลงในหลายด้าน เช่น การนอนหลับที่ลดลง พฤติกรรมในห้องเรียนที่ถูกรบกวน และกิจกรรมทางกายที่ลดน้อยลง
สำหรับประเทศไทย แม้จะเริ่มมีสถานศึกษาจากต่างประเทศทยอยมีผลออกมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ แต่ประเด็นเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียนไทยยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ หลายโรงเรียนมีมาตรการที่แตกต่างกันไป บางแห่งกำหนดให้นักเรียนเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าระหว่างเรียน บางแห่งอนุญาตให้ใช้เฉพาะช่วงพักเท่านั้น ขณะที่บางโรงเรียนมีมาตรการที่เข้มงวดมากถึงขั้นยึดโทรศัพท์หากนักเรียนฝ่าฝืนกฎ
ปัญหาที่พบบ่อยในโรงเรียนไทยคือการใช้โทรศัพท์ระหว่างเรียน ซึ่งส่งผลต่อสมาธิและการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน นอกจากนี้ การเข้าถึงโซเชียลมีเดียระหว่างเรียนยังอาจนำไปสู่ปัญหาการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ (cyberbullying) และการเสพติดเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม การห้ามใช้สมาร์ทโฟนอย่างเด็ดขาดอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เนื่องจากโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสาร โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีประโยชน์ได้ หากมีการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม
แนวทางที่เหมาะสม
จากผลการศึกษาและสถานการณ์ในประเทศไทย แนวทางที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่การห้ามใช้สมาร์ทโฟนโดยสิ้นเชิง แต่ควรเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์ที่สมดุล ตัวอย่างเช่น:
- จำกัดเวลาและสถานที่ใช้ – นักเรียนควรได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ในช่วงเวลาพักหรือในกรณีที่จำเป็น แต่ควรถูกห้ามใช้ระหว่างชั้นเรียน
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประโยชน์ – โรงเรียนสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือเสริมการเรียนรู้ เช่น แอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา หรือการใช้โทรศัพท์ในการค้นคว้าข้อมูลภายใต้การกำกับดูแลของครู
- ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานอย่างปลอดภัย – นักเรียนควรได้รับการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้สมาร์ทโฟนที่มากเกินไป รวมถึงการป้องกันตนเองจากภัยออนไลน์
- มีบทลงโทษที่เหมาะสม – โรงเรียนควรมีกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ และมีบทลงโทษที่เหมาะสมโดยไม่รุนแรงเกินไป
แต่แน่นอนว่า การเพิ่มกฎ เท่ากับการเพิ่มงานให้โรงเรียนและครู และเชื่อว่าตามความถนัดของโรงเรียนจะออกแนวทางบังคับตามแนวอำนาจนิยม ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับทั้งตัวนักเรียน และผู้ปกครองตามมา ซึ่งโรงเรียนอาจจะต้องปรับตัวและยอมรับเทคโนโลยีใหม่ในการเรียนการสอน เพื่อให้ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือ หรือ ทูล มากขึ้น
สรุป
แม้ว่าการห้ามใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียนอาจดูเป็นทางแก้ปัญหาที่ดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาว อาจไม่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งหมด การใช้สมาร์ทโฟนอย่างมีวินัยและการปลูกฝังพฤติกรรมที่เหมาะสมตั้งแต่วัยเรียนเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่า โรงเรียนในประเทศไทยควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างวินัยในการใช้เทคโนโลยีและการบ่มเพาะทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ให้แก่นักเรียน เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้สมาร์ทโฟนได้อย่างมีประโยชน์และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้และการใช้ชีวิตในสังคม