เรามาถึงยุคที่ซื้อรถยนต์เหมือนซื้อคอมพิวเตอร์ จากเมื่อก่อนเราเลือกแค่แบรนด์แล้วให้แบรนด์จัดการทั้งหมด แต่ไม่ใช่ปัจจุบันรถยนต์เหมือนโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง นอกจากราคาจะตกอย่างรวดเร็ว ความฉลาดของเอไอรถยนต์ไม่ได้ขึ้นกับแบรนด์รถยนต์เพียงอย่างเดียว มันซับมันซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่มากมาย มาติดตามกัน
ในยุคที่รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะอีกต่อไป แต่กลายเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่สามารถพัฒนาและอัปเกรดได้ Software-Defined Vehicle (SDV) กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ที่ต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์อย่างมาก แบรนด์ชั้นนำอย่าง Volvo, Tesla, Mercedes-Benz, BMW, BYD, Porsche และอื่นๆ ต่างกำลังแข่งขันกันนำเสนอโซลูชันที่ล้ำสมัยที่สุดเพื่อตอบโจทย์ทั้งความปลอดภัย สมรรถนะ และประสบการณ์ผู้ขับขี่
เทคโนโลยีซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์: ใครนำหน้า?
หนึ่งในแบรนด์ที่ก้าวล้ำในด้านนี้คือ Volvo ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเทคโนโลยี Superset ที่รวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เป็นหนึ่งเดียว ทำให้สามารถอัปเกรดฟีเจอร์ต่าง ๆ ผ่าน Over-the-Air (OTA) Updates ได้อย่างรวดเร็ว รถยนต์รุ่นใหม่อย่าง ES90 จะใช้หน่วยประมวลผล Nvidia Drive AGX Orin ที่สามารถรองรับการประมวลผลระดับ 508 ล้านล้านครั้งต่อวินาที ซึ่งช่วยให้ระบบ AI สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ต่อเนื่อง
ขอสรุปรถวอลโว่รุ่นนี้ออกมาดังนี้ ในแง่ของหน่วยประมวลผลกลาง (SoC – System on Chip) ใช้ Nvidia Drive AGX Orin ซึ่งเป็นชิป AI ที่รองรับการคำนวณ 508 ล้านล้านครั้งต่อวินาที สามารถรองรับ Deep Learning และ Neural Network ที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ (ADAS) และระบบวิเคราะห์สภาพแวดล้อมแม่นยำยิ่งขึ้น ทำงานร่วมกับ Nvidia DriveWorks SDK ที่ใช้พัฒนาอัลกอริธึม AI สำหรับยานยนต์
ในด้านเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อม มี Lidar (1 ตัว) เอาไว้ใช้เป็นเลเซอร์ตรวจจับระยะและรูปร่างของวัตถุ, มี Radar (5 ตัว) เอาไว้ตรวจจับความเร็วและระยะทางของวัตถุรอบข้าง, กล้อง (8 ตัว) เอาไว้จับภาพความละเอียดสูงเพื่อใช้กับ AI และระบบช่วยขับขี่, มี Ultrasonic Sensors (12 ตัว) สำหรับตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบรถในระยะใกล้ และมี Driver Monitoring System (DMS) คอยติดตามสภาพของผู้ขับขี่เพื่อลดความเสี่ยงจากอาการเหนื่อยล้า
ส่วนของ แบตเตอรี่และระบบการจัดการพลังงาน (Battery Management System – BMS) มีการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์และจัดการประสิทธิภาพของแบตเตอรี่, เพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ และช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่
นอกจากระบบฮาร์ดแวร์แล้ว ยังมีซอฟต์แวร์และระบบที่ใช้คือ Superset Tech Stack ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ Volvo พัฒนาขึ้นเพื่อให้รถยนต์ทุกคันสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้ตลอดอายุการใช้งาน โดยซอฟต์แวร์หลักในระบบ Superset คือ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งเป็นระบบช่วยขับขี่ เช่น การเบรกอัตโนมัติ การรักษาเลน และระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ, ระบบ Over-the-Air (OTA) Updates ที่อัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ, Machine Learning & AI Integration ซึ่งเป็น AI ช่วยเรียนรู้พฤติกรรมผู้ขับขี่และปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง
โครงสร้างซอฟต์แวร์ใน SDV จะทำให้แยกฮาร์ดแวร์ออกจากซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถอัปเกรดฟังก์ชันของรถได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์, ใช้ Hypervisor & Virtualization เพื่อรันหลายระบบปฏิบัติการในรถคันเดียว
AI และการพัฒนาเครือข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) ทางVolvo กำลังเพิ่มขนาดของโมเดล AI ที่ใช้ในรถยนต์จาก 40 ล้านพารามิเตอร์ เป็น 200 ล้านพารามิเตอร์ ซึ่งช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทำได้แม่นยำขึ้น, การคาดการณ์พฤติกรรมของผู้ใช้และสภาพแวดล้อมดีขึ้น และความสามารถของระบบขับขี่อัตโนมัติพัฒนาไปได้ไกลกว่าเดิม
ตัว Software-Defined Vehicle (SDV) กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยการลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์มากขึ้น, รถสามารถ “ดีขึ้น” ได้เรื่อย ๆ ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์, เพิ่มโอกาสในการขายบริการเสริม เช่น ฟีเจอร์ขับขี่อัตโนมัติแบบสมัครสมาชิกรายเดือน และเพิ่มความปลอดภัยโดยใช้ AI ช่วยประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์
ทางด้าน Tesla ที่ถูกมองว่าเป็นผู้บุกเบิก SDV ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการพัฒนา Tesla OS และใช้ Tesla FSD Chip ของตนเองแทนที่จะพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่น ระบบ Full Self-Driving (FSD) Beta ของ Tesla ใช้เพียงกล้องและ AI ในการนำทาง โดยไม่ต้องพึ่ง Lidar หรือ Radar เหมือนคู่แข่ง
ส่วน Mercedes-Benz เลือกใช้ MB.OS ควบคู่กับ Nvidia Drive Orin และเปิดตัวระบบ Drive Pilot ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ Level 3 ในบางประเทศ นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Mercedes เป็นหนึ่งในผู้นำด้าน SDV ที่มุ่งเน้นความปลอดภัยสูงสุด
การแข่งขันด้านระบบขับขี่อัตโนมัติและเซ็นเซอร์
การแข่งขันในด้าน ระบบขับขี่อัตโนมัติ นั้นดุเดือดขึ้นทุกวัน โดย BMW กำลังพัฒนา Neue Klasse Platform ที่รองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 3 เช่นกัน และใช้ Qualcomm & Nvidia AI Chips เพื่อช่วยประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ส่วน BYD ซึ่งเป็นแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ได้พัฒนา DiLink Intelligent System ที่เน้นการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ IoT พร้อมกับ Blade Battery ที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ในขณะที่ Porsche เลือกใช้ E³ 1.2 Software Architecture ควบคู่กับระบบประมวลผล High-Performance Computing (HPC) Units เพื่อให้สามารถปรับแต่งสมรรถนะของรถได้แบบเรียลไทม์ Porsche ยังพัฒนา AI ที่สามารถช่วยปรับโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้ขับได้อีกด้วย
พัฒนาการของรถ EV จีน: ก้าวกระโดดในยุค SDV
จีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีแบรนด์อย่าง BYD, NIO, Xpeng และ Geely ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยี SDV อย่างรวดเร็ว NIO นำเสนอแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่รองรับการอัปเดต OTA และพัฒนาระบบ NIO Autonomous Driving (NAD) ซึ่งเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงที่ใช้เซ็นเซอร์ Lidar และ AI
Xpeng เป็นอีกแบรนด์ที่โดดเด่น โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติที่สามารถแข่งขันกับ Tesla ได้ ระบบ XNGP (Xpeng Navigation Guided Pilot) สามารถขับขี่อัตโนมัติบนทางหลวงและถนนในเมืองที่ซับซ้อนได้ ส่วน Geely กำลังลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของตนเอง และใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
ใครเป็นผู้นำในยุค SDV?
หากมองในมุมของ ระบบขับขี่อัตโนมัติ Tesla ยังคงเป็นผู้นำด้วยเทคโนโลยี FSD ที่ล้ำหน้ากว่าใคร ขณะที่ Mercedes-Benz และ Volvo กำลังไล่ตามมาติด ๆ โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ส่วน BMW และ Porsche กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเสริมประสบการณ์การขับขี่แบบอัจฉริยะ
ด้านผู้ผลิตจีน BYD, NIO และ Xpeng กำลังมาแรงด้วยนวัตกรรมด้านแบตเตอรี่และ AI ที่ล้ำสมัย ทำให้จีนกลายเป็นตลาดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกได้อย่างสูสี
ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์ในอนาคตอาจกลายเป็นเหมือน สมาร์ทโฟนที่สามารถอัปเกรดซอฟต์แวร์และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งทำให้การแข่งขันด้าน Software-Defined Vehicle กลายเป็นสนามรบใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคดิจิทัล
ตารางเปรียบเทียบเทคโนโลยีของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำที่ใช้ Software-Defined Vehicle (SDV)
แบรนด์ | แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ | ฮาร์ดแวร์หลัก | ระบบขับขี่อัตโนมัติ | การอัปเดตซอฟต์แวร์ | เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ | จุดเด่น |
Volvo | Superset | Nvidia Drive AGX Orin | พัฒนา AI-based Safety | OTA Updates (Over-the-Air) | Lidar, Radar, กล้อง, Ultrasonic | ระบบความปลอดภัยสูงและ AI ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง |
Tesla | Tesla OS | Tesla FSD Chip | Full Self-Driving (FSD) Beta | OTA Updates | กล้องล้วน (Tesla Vision) | ระบบขับขี่อัตโนมัติที่ล้ำหน้าและสามารถอัปเกรดผ่านซอฟต์แวร์ |
Mercedes-Benz | MB.OS | Nvidia Drive Orin | Drive Pilot (Level 3) | OTA Updates | Lidar, Radar, กล้อง | ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ที่ได้รับการรับรองในบางประเทศ |
BMW | Neue Klasse Platform | Qualcomm & Nvidia AI Chips | Level 3 Automated Driving | OTA Updates | Lidar, Radar, กล้อง | การผสาน AI และ Digital Twin ในระบบขับขี่ |
BYD | DiLink Intelligent System | Nvidia Drive (บางรุ่น) | Smart Driving Assistant | OTA Updates | Radar, กล้อง, Ultrasonic | แบตเตอรี่ Blade Battery ที่ปลอดภัยและทนทาน |
Porsche | E³ 1.2 Software Architecture | High-Performance Computing (HPC) Units | AI-Based Driving Assistance | OTA Updates | Lidar, Radar, กล้อง | ระบบ AI ที่ช่วยปรับแต่งสมรรถนะของรถแบบเรียลไทม์ |