เงินโลกไหลสู่ตลาดเอไอ แล้วใครได้ใครเสีย?

Share

เงินทุนของโลกเลิกเห่อสตาร์ทอัพมาตั้งแต่เกิดโควิดแล้ว ทำให้เกิดสตาร์ทอัพยูนิคอร์นน้อยมาก ขณะที่สตาร์ทอัพที่ได้รับเงินทุนในสเตจต่างๆ ก็มีอันวายป่วงปิดบริษัท หาเงินมาคืนเวนเจอร์แคปิตอลไม่ได้ตกปีละเกือบ 300 ราย คำถามคือ แล้วเงินลงทุนในโลกตอนนี้มันจะไหลไปที่ไหน?

ต้องย้อนความทรงจำกันก่อนว่า บรรดาเวนเจอร์แคปิตอล ที่ลงทุนในเทคสตาร์ทอัพ ที่มีความเสี่ยงสูงๆ นั้น จะใช้เงินลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต หลักการก็คือ 10 รอดหนึ่ง แค่นี้ก็คุ้มทุนแล้ว แต่ในสภาพความเป็นจริงตอนนี้คือ บรรดาวีซีทั้งหลายจะลงทุนกี่โมง เพราะเวลานี้มันเงียบสนิทจนแทบไม่มีแนวคิดใหม่ๆ ที่ได้รับทุนกันแล้ว

ว่ากันว่าเงินลงทุนของเทคสตาร์ทอัพทั้งหมด ได้ไหลไปที่เอไอแบบหมดหน้าตัก คุยกันคร่าวๆ กล่าวกันว่ามูลค่าของเงินลงทุนเอไอจะอยู่ที่สามแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าเป็นตัวเลขนี้จริงเงินลงทุนของเทคสตาร์ทอัพในช่วงนี้ก็อย่าได้ฝันว่ารายใหญ่ๆ ในโลกจะหันมาสนใจ เพราะแค่โถมลงไปที่เอไอเพียงอย่างเดียวก็ไม่เหลือจะไปลงอย่างอื่นกันแล้ว เอไอได้กลายเป็นหลุมดำที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มในขณะนี้

ปรากฎการณ์ฟองสบู่ไอที ตั้งแต่ธุรกิจดอทคอม มาสู่ยุคสตาร์ทอัพ จะมาถึงยุคไอทีในที่สุด หรือไม่ คำถามตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ แน่นอนเอไอทุกตัวไม่สามารถทำกำไรให้นักลงทุนทั้งหมดได้หรอก มันต้องมีตัวที่ทำได้และตัวที่ขาดทุน มันต้องมีตัวที่มาก่อนและเฟื่องฟู แต่ก็มีตัวที่มาทีหลังแล้วแซงทางโค้ง ไล่ตบตัวที่มาก่อนหงายคว่ำไม่เป็นท่าไปก็โขอยู่ ตลาดที่ไม่แน่นอนอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ดังนั้นใครยืนอยู่ตรงไหนก็ต้องประเมินตัวเองให้ดี เช่น ถ้าเป็นเทคสตาร์ทอัพ ก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว เอาความฝันของตัวเองมาทำเงินช่วงแรกเป็นทุนทำธุรกิจไปก่อน อย่าเพิ่งฝันจะได้ทุนก้อนโตมาสร้างฝันแบบเร่งด่วน, ใครที่เป็นเอไอในไทยก็ต้องมั่นใจในพันธมิตรลงทุน เร่งสร้างมูลค่าของตนเอง ระดมหาเงิน และรีบออกผลงานของตนเองออกมาในช่วงนี้ ไม่ระดมทุนช่วงนี้จะไประดมเงินช่วงไหนกันอีก

ที่ห่วงอยู่เรื่องเดียวคือ อยากให้ทุนไทยเอาเงินทุนมาลงช่วยคนไทยด้วยกันเองบ้าง แต่เห็นทีจะร้องยังไงก็คงสู้กระแสไม่ไหว ทุนไทยคงหนีไปในระดับโลกแห่ตามเทรนด์มากกว่า แน่หละลงทุนก็ต้องมองเรื่องผลประโยชน์ ใครมันจะสนเรื่องขาดทุนกัน ได้แต่หน้าแต่กระเป๋าฉีกคงไม่มีคนอยากจะทำ

Related Articles