วันคุ้มครองโลก..อย่าปล่อยให้โลกคุ้มครองเราฝ่ายเดียว

Share

 

Earth Day หรือ วันคุ้มครองโลก ถือกำเนิดขึ้นมานานเกิน 50 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่ผู้คนบนโลกเริ่มตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันอย่างจริงจัง เริ่มจากการออกกฎหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเป็นครั้งแรก และสหประชาชาติก็ได้ถือฤกษ์ยามนี้ กำหนดวัน Earth Day ขึ้นมาให้เป็นวันที่ 22 เมษายนของทุกปี

 

แทบจะตลอดเวลาที่ผ่านมานานนับหลายทศวรรษ มนุษย์ ได้ปล่อยให้โลกเป็นผู้คุ้มครองการดำรงชีวิตของผู้คนในทุกรูปแบบ ทั้งเป็นแหล่งทำกิน นำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้สอยเพี่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ และเพื่อการค้าในทุกรูปแบบ คุ้มครองกระทั่งนายทุน ให้ทำรายได้จากทรัพยากรต่างๆ

หลายทศวรรษที่ผ่านมา เราพบเห็นภัยธรรมชาติต่างๆ มากมายหลายรูปแบบที่เกิดขึ้นจากการที่โลกเริ่มคุ้มครองเราไม่ไหว เพราะมนุษย์ ยังคงใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันอย่างไม่บันยะบันยัง จนเกิดผลกระทบหลากหลายที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน อันเป็นผลมาจากโลกร้อน กระทั่งฝุ่น PM 2.5 ในแผ่ปกคลุมทัศนวิสัยและทางเดินหายใจของผู้คนในหลายประเทศจนเกินพิกัด และอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์แล้ว กระทั่งในประเทศไทยก็ตาม

แม้ว่าปัจจุบัน ประชาคมโลกเริ่มตระหนักเรื่องนี้กันมากขึ้น เพราะมันส่งผลกระทบที่รุนแรงและเด่นชัดขึ้นทุกวันก็ตาม หรือกระทั่งมีหลายองค์กรและหน่วยงานระดับโลกต่างร่วมแรงร่วมใจกันหาแผนงานและกิจกรรมเพื่อช่วยบรรเทาโลกร้อน แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ก็ดูจะยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจ สร้างความลำบากเดือดร้อนให้มนุษย์ เรียกว่าได้รับผลกระทบกันทั้งทางตรงและทางอ้อมกันถ้วนหน้า

Theme ของวันคุ้มครองโลกในปีนี้ จึงเทไปที่ “Invest in Our Planet” คือการรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจคุ้มครองโลกกันยิ่งขึ้น เพื่อสร้างเมือง สร้างประเทศ และสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง

ความลับที่จะไขปัญหาหลักในเรื่องนี้ อยู่ที่เรื่องของพลังงาน ไม่ใช่การต่อสู้กับสิ่งเดิมๆ แต่เป็นการสร้างสิ่งใหม่ อย่างที่นักปราชญ์ โซเครติส ได้กล่าวไว้

ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ อาจต้องใช้ความร่วมมือในระดับสากล ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐบาลเพื่อร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหาด้วยแนวทางหลากหลาย เท่าที่จะสามารถทำได้ เช่นการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว การรณรงค์พลังงานสีเขียว และพลังงานหมุนเวียนในระดับเมือง รวมถึงในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานขับเคลื่อนแทบทุกภาคส่วน

การให้ incentives ก็เป็นเรื่องที่ช่วยผลักดันได้ในระดับหนึ่ง อย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา งานในส่วนที่เป็นเรื่องการใช้พลังงานสะอาดก็อาจจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่างานทั่วไปประมาณ +25% เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับสังคม

ในบทบาทของประชาชนทั่วไป สิ่งที่เราน่าจะช่วยได้ คือการช่วยเป็นกระบอกเสียง และเริ่มจากการลดพลังงานจากตัวเราเองเพื่อเป็นแรงกระเพื่อมส่งต่อไปนยังนิเวศรอบตัวเรา มีผลการสำรวจว่าคนรุ่น Gen Z เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ส่งต่อแรงจูงใจได้ดี โดย 45% ของคนรุ่นนี้ เริ่มรณรงค์หยุดซื้อสินค้าจากบางแบรนด์ที่มีข้อถกเถียงกันในเรื่องของจรรยาบรรณ และส่งผลต่อความยั่งยืน นั่นคือหนึ่งในตัวอย่างจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้ขยายไปสู่วงกว้างได้ไม่มากก็น้อย ไม่ช้าก็เร็ว

อย่าไปคิดว่าการปกป้อง คุ้มครองโลก คืองานอันใหญ่หลวงและหนักอึ้ง เพราะเราทุกคนสามารถร่วมกันทำสิ่งเล็กๆ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่วงกว้างได้เช่นกัน ถ้าทุกคนร่วมใจกัน

อย่าปล่อยให้โลกคุ้มครองเราฝ่ายเดียว.. เพราะมันถึงเวลาแล้วที่เราควรต้องหันมาร่วมแรงร่วมใจกันคุ้มครองและปกป้องโลกใบนี้ ให้กลับมาเขียวขจีกันอีกครั้ง เพื่อประโยชน์มวลรวมของประชาชาติ ประชากรโลก เพื่อสิ่งแวดล้อม และทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบเดียวกันนี้

https://www.earthday.org/earth-day-2022/

 

 

innomatter

innomatter

ข่าวไอที นวัตกรรม พลังงาน และความยั่งยืน

Related Articles