Green Burial ปลายทางที่…”ต้นไม้แห่งคนรักและความทรงจำ”

Share

 

จะดีแค่ไหนถ้าคน 1 คน หลังหมดลมหายใจไปแล้วจะกลายเป็นต้นไม้ 1 ต้น นอกจากเพิ่มสีเขียวให้แก่โลกแล้ว ยังมีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนดิน และให้กอดเติมพลังยามคิดถึงอีกด้วย

ปัจจุบันคนให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มองว่าการจัดการศพแบบเดิมๆ ไม่ตอบโจทย์ความยั่งยืน หลายประเทศจึงมีทางเลือกใหม่ในการจัดการศพด้วยวิธี Human Composting หรือ Natural Organic Reduction คือการย่อยสลายอินทรีย์ตามธรรมชาติ เปลี่ยนร่างของผู้เสียชีวิตให้กลายเป็นดินหรือปุ๋ยต้นไม้ แล้วคืนให้กับญาติ สร้างความทรงจำที่ดีให้กับต้นไม้ดอกไม้ทุกต้นที่ใช้ปุ๋ยจากร่างของคนที่รัก

กระบวนการจัดการศพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ไม่เพียงลดการตัดไม้ ใช้พลังงานเพียง 1 ใน 8 ของการทำศพแบบธรรมดา ยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย

อีกทางเลือกหนึ่งคือ การใช้บริการ Living Coffin โลงศพที่ผลิตจากเส้นใยของเห็ด (Mushroom mycelium) ที่ช่วยเร่งการย่อยสลายร่างกายให้กลายเป็นสารอาหารในดินอย่างสมบูรณ์ เส้นใยของเห็ดยังทำหน้าที่ดูดซับสารพิษที่ปลดปล่อยออกมาขณะเกิดการย่อยสลายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโลงศพที่ผลิตจากกระดาษย่อยสลายได้ จากไม้ไผ่ ไม้สน จากผักตบชวา เป็นต้น

จะว่าไปแนวคิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ หนึ่งในนั้นซึ่งดูจะซอฟต์ที่สุดสำหรับชาวเรา เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เมื่อคราวเปิดตัว 7 ปีก่อน “Capsula Mundi” โลงศพรูปทรงไข่ ผลงานการออกแบบของ แอนนา ชิเทลลี่ (Anna Citelli) และ ราอูล เบรทเซล (Raoul Bretzel) สองดีไซน์เนอร์ชาวอิตาเลียน

“เราทุกคนคือส่วนหนึ่งของวัฏจักรธรรมชาติ การตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับคืนสู่ธรรมชาติ”

แน่นอนว่า ทุกสิ่งผ่านการคิดวิเคราะห์บนฐานของวิทยาศาสตร์ Capsula Mundi จึงผลิตจากวัสดุชีวภาพที่ย่อยสลายได้ 100% รูปวงรีทรงไข่ โดยจะบรรจุร่างผู้เสียชีวิตไว้ภายใน-ในท่าของทารกในครรภ์มารดา ด้านบนจะมีการฝังเมล็ดพันธุ์พืชที่สามารถเลือกชนิดของต้นไม้ได้ แล้วฝังลงในดินเหมือนปลูกเมล็ดพันธุ์ต้นไม้

…ร่างของผู้วายชนม์จะย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยชีวภาพให้แก่ “ต้นไม้” ซึ่งทำหน้าที่เป็นอนุสรณ์แก่ผู้ล่วงลับ โดยคนที่อยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูงจะยังคงดูแลต้นไม้ต่อไปในขณะที่มันเติบโต

แอนนาและราอูล บอกว่า ปัญหาของการฝังศพแบบเดิมคือ ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ 100% เพราะรูปแบบของโลงและการฝังเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของออกซิเจน ซึ่งจำเป็นต่อการย่อยสลาย แต่โลงศพชีวภาพทรงไข่ของ Capsula Mundi เอื้อต่อการไหลเวียนของออกซิเจน เพราะแป้งที่อยู่ในพลาสติกชีวภาพ จะช่วยเพิ่มคาร์บอน เพื่อไปสร้างสมดุลในระบบย่อยสลายให้ไนโตรเจนทำงานได้อย่างเต็มที่

“เราคิดมาเป็นอย่างดีและรู้ว่าเถ้าอัฐิมีค่า PH สูง สามารถไปยับยั้งการเติบโตของต้นไม้ได้ แต่พลาสติกชีวภาพที่เราใช้จะค่อยๆ ย่อยสลายแล้วไปลดค่า PH ทำให้เถ้ากลายเป็นสารอาหารที่สมบูรณ์ของต้นไม้โดยสามารถฝัง Capsula Mundi ไว้บริเวณบ้านได้เลย”

สิ่งที่สองดีไซเนอร์คาดหวังคือ การสร้างพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ฉีกรูปแบบจากสุสานที่คุ้นเคย จากเดิมที่เต็มไปด้วยป้ายแท่งหินทั่วสุสานให้กลายสภาพเป็นต้นไม้สูงใหญ่ทั่วพื้นที่ สร้างความร่มเย็นพร้อมทั้งเพิ่มออกซิเจน โดยที่ลูกหลานยังสามารถเคารพบรรพบุรุษได้ด้วยการกอดต้นไม้แทนการวางดอกไม้บนป้ายชื่อแท่งหิน

…เป็นสถานที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ของผู้วายชนม์ ที่ครอบครัวสามารถเดินเล่นและเรียนรู้เกี่ยวกับโลกธรรมชาติ เป็นสถานที่ที่คนในชุมชนจะมารวมตัวกันเพื่อดูแลต้นไม้ ที่สุดแล้วสุสานจะกลายเป็นเหมือนป่าศักดิ์สิทธิ์

สำหรับผู้ที่ชื่อชอบงานเขียนของ Rabbit2TheMoon สามารถอ่านเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้าได้ ที่นี่

innomatter

innomatter

ข่าวไอที นวัตกรรม พลังงาน และความยั่งยืน

Related Articles