ดีอี เปิดโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2568 เพราะทุกคนสำคัญ ทุกข้อมูลมีความหมาย

Share

 

โครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2568 เพื่อสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญของโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทุกคนรวมถึงชาวต่างชาติที่พำนักในไทยตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ร่วมใจให้ข้อมูลกับสำนักงานสถิติแห่งชาติผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ได้เปิดตัว ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ เป็นพรีเซ็นเตอร์ของโครงการ ด้วยภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและเป็นที่รักของคนไทย ในการช่วยสื่อสารและกระตุ้นให้ประชาชนเชื่อมั่นให้ข้อมูลได้อย่างมั่นใจ  

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี มุ่งมั่นวางรากฐานสำคัญเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล ผ่านนโยบาย Cloud First Policy, e-Office และระบบ Paperless เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความรวดเร็ว และยกระดับบริการภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และหนึ่งในภารกิจสำคัญของปีนี้ คือ โครงการสำมะโนประชากรและเคหะ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลจากวิธีดั้งเดิม (Traditional Census) เป็นรูปแบบดิจิทัล (Digital Census) ซึ่งประชาชนสามารถตอบแบบสอบถามผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นลำดับแรก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการให้ข้อมูล และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมตอบแบบสอบถามสำมะโนประชากรและเคหะ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป  

ขอให้ประชาชนมั่นใจในการให้ข้อมูล เพราะสำนักงานสถิติแห่งชาติสร้างช่องทางที่น่าเชื่อถือบนแอปพลิเคชันทางรัฐ เว็บไซต์ทางรัฐ และเว็บไซต์สำนักงานสถิติแห่งชาติ เพื่อทำให้ทุกคนมั่นใจว่าจะไม่มีการหลอกลวง เพราะทุกคนสำคัญ ข้อมูลที่ทุกท่านให้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม และทำให้ภาครัฐจัดสรรทรัพยากรให้ตรงกับความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน 

นายภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติกำลังดำเนินโครงการสำคัญที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน นั่นคือ โครงการสำมะโนประชากรและเคหะ ซึ่งจะเก็บข้อมูลของทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย รวมถึงคนไทยที่ไปต่างประเทศชั่วคราว เจ้าหน้าที่ในต่างประเทศ และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทยตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยจะเก็บข้อมูลพื้นฐาน เช่น เพศ อายุ สัญชาติ การศึกษา การทำงาน และข้อมูลที่อยู่อาศัย และได้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่าทำไมต้องทำสำมะโนประชากร โดยให้ลองดูกรุงเทพมหานคร ที่มีประชากรอาศัยอยู่จริงอาจถึง 10 ล้านคน แต่ข้อมูลทะเบียนราษฎร์กลับมีไม่ถึง 6 ล้านคน ความแตกต่างนี้ส่งผลต่อการวางแผนพัฒนาในทุกด้าน ข้อมูลสำมะโนประชากรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับความเป็นจริง 

ในครั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น เรียกว่า Digital Census ประชาชนสามารถตอบแบบสอบถามผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นลำดับแรก โดยสามารถให้ข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เว็บไซต์ “ทางรัฐ.com” หรือ เว็บไซต์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ “www.nso.go.th” ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 และยังมี “คุณมาดี” ลงพื้นที่เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 19 มิถุนายน 2568 กรณีที่ครัวเรือนใดไม่สะดวกในการให้ข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติให้ความสำคัญสูงสุดกับการรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคล และจะไม่เปิดเผยข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยเด็ดขาด 

 

Related Articles